อีสเทอร์น สตาร์ เดินหน้าลงทุนรอบใหม่ปี 65 เล็งผุดคอนโด ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้าน บนทำเลรัชดา-สุขุมวิท พร้อมเปิดบ้านเดี่ยว และโครงการมิกซ์ยูส ที่จังหวัดระยอง พร้อม ชูแนวคิด Smart Living 360 ตอบโจทย์ลูกค้ายุค New Normal
ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 4 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ด้วยเป้าหมายยอดขาย และเป้าหมายยอดรายได้ที่ราว 1,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ 2 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “Quintara Lite” เป็นคอนโดมิเนียมซีรีย์ใหม่ในราคาที่จับต้องได้ เริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาท แต่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมืองอย่างรัชดาและสุขุมวิท
ส่วนที่จังหวัดระยองจะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ ราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 3 ล้านบาท ในพื้นที่โครงการอีสเทอร์น สตาร์ ฟอร์เรสโต้ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งในภาพรวมจะประกอบไปด้วยโครงการที่พักอาศัยกว่า 1,000 หลังคาเรือน บนทำเลเชื่อมต่อสุขุมวิท-บูรพาพัฒน์ ที่ยังคงความร่มรื่นของต้นไม้และส่วนกลาง โดยมีแผนเปิดตัวขายในช่วงกลางปีและปลายปี และยังมีแผนพัฒนามิกซ์ยูส-คอมมูนิตี้ ในบริเวณอีสเทอร์น สตาร์ พาร์ค ที่ประกอบด้วยสนามกอลฟ์ โรงแรม บ้านพักอาศัย และศูนย์สุขภาพเพื่อบริการที่ครบวงจรและตอบโจทย์แนวโน้มที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นอีกด้วย
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 ยังต้องเผชิญปัจจัยลบ คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ และผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลต่อรายได้และกำลังซื้อของลูกค้า ภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การเพิ่มขึ้นของหนี้เสีย (NPL) ทำให้การปล่อยสินเชื่อยังคุมเข้ม ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนกำลังซื้อจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับมา แต่ยังมีปัจจัยบวก จากนโยบายภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ เช่น การผ่อนคลายมาตรการ LTV การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ปริมาณบ้านคงค้างที่ลดลงจากการชะลอตัวในการเปิดการขายโครงการใหม่ในปีที่ผ่านมา แต่เชื่อมั่นว่ากำลังซื้อที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริงยังคงมีอยู่ในตลาดสำหรับบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมในระดับราคากลาง-ล่าง” ดร.ต่อศักดิ์กล่าว
สำหรับในปี 2565 จะเป็นปีแห่งการเติมเต็มความสุขให้กับผู้อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด Smart Living 360 ภายใต้ 4 แกนหลักสำคัญ ที่คิด ครบ จบ คุ้ม ทั้งฟังก์ชั่นและการใช้พื้นที่ภายในห้องไปถึงพื้นที่ส่วนกลางจัดเต็มรองรับวิถีชีวิตแบบ New normal
สำหรับแนวคิด Smart Living 360 จะประกอบด้วย
CREATIVE DESIGN ที่นอกจากจะออกแบบอาคารและรูปแบบภายในห้องให้สวยงาม มีฟังก์ชั่นที่ครบครันแล้ว ยังสามารถใช้พื้นที่ได้คุ้มทุกตารางนิ้ว ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยให้ยืดหยุ่นได้ตามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเพื่อปรับประโยชน์การใช้งานให้เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ตามความต้องการ
BALANCING LIFE เพื่อให้ทุกๆ วันคือวันพักผ่อน จึงเน้นการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้สามารถใช้งานได้จริง ทั้งพื้นที่ส่วนกลางแบบแยกส่วนรองรับการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) รวมไปถึงพื้นที่จัดกิจกรรมไม่ว่าจะเป็น Studio kitchen หรือ Workshop space เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน และใส่ใจสุขภาพด้วยระบบ System shower & Massage jacuzzi เพื่อความผ่อนคลาย ไปจนถึงพื้นที่ออกกำลังกายแบบ Oversized อาทิ ลู่วิ่งรอบสนามกอล์ฟ สนามกีฬาเอนกประสงค์ในหมู่บ้าน เป็นต้น
ENVIRONMENT FRIENDLY คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมโดยนำพลังงานสะอาดมาใช้ในโครงการ เช่น สถานี EV Charger ระบบเช่ารถ Haup car แบบ sharing economy หรือ การนำ Solar cell เข้ามาใช้ในพื้นที่รอบสนามกอล์ฟ
LIVING INNOVATION ต่อยอดการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายด้วยนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัย อาทิ ระบบการเข้าบ้านแบบดิจิตอล ระบบตรวจจับการบุกรุก กล้องวงจรปิด และเพื่อความสะดวกสบาย อาทิ การเปิด-ปิดการใช้ไฟฟ้า ระบบระบายอากาศอัตโนมัติ เป็นต้น
ในส่วนของคอนโดมิเนียมที่จะพัฒนาในปีนี้จะนำเอาแนวคิด Smart Living 360 เข้ามาใส่ อาทิ การออกแบบขนาดห้องพักที่พอดีกับไลฟ์สไตล์คนเมือง (Creative Design) นำพื้นที่ทุกตารางนิ้วมาใช้ประโยชน์ ส่วนกลางรองรับวิถีชีวิต New normal & lifestyle ไม่ว่าจะเป็น Pocket seat, Kitchen studio, Workshop space, private class room (Balancing Life) และยังมีสถานี Ev Charger (Environment Friendly) ฯลฯ ส่วนโครงการบ้านเดี่ยวที่จังหวัดระยอง โดดเด่นด้วยแบบบ้านที่สวยงาม และฟังก์ชั่นที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ชอบ (Creative Design) มี NEIGHBORHOOD MALL ด้านหน้าพื้นที่โครงการ ระบบความปลอดภัย 3 ชั้น (Balancing Life) และมีแผนการนำ Solar cell มาใช้ในพื้นที่รอบสนามกอลฟ์อีก (Environment Friendly)
ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า บ้านและคอนโดมิเนียมของเรา นอกจากจะมีราคาสบายกระเป๋าเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว เรายังคิดครบคิดจบทั้งภายในห้องพักอาศัย ให้สวยงามและยืดหยุ่นต่อการใช้งาน และการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ส่วนกลางตามไลฟ์สไตล์ของคนสมัยใหม่ ภายใต้แนวคิด Touchless & Distancing และการ Work from home รองรับการใช้เวลาในการอยู่บ้านกับครอบครัวมากขึ้น พร้อมความสมดุลด้วยส่วนกลางสีเขียวที่รายล้อม และการบริการครบวงจรมากขึ้นด้วยรีเทล ไปจนถึงนวัตกรรมต่างๆ ที่เข้ามาเสริมการใช้ชีวิต
เรามองถึงวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ ที่มีความฉลาดคิด ชอบใช้ชีวิตสะดวกสบาย มีไลฟ์สไตล์ที่เด่นชัด แต่ก็รักสุขภาพและสิ่งแวดล้อม จึงได้นำพฤติกรรมต่างๆ ของคนใช้ชีวิตยุคใหม่ผสานเข้ากับงานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการความเป็นส่วนตัว การเดินทางที่สะดวก สิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์ และการชอบอยู่กับธรรมชาติ จึงเป็นที่มาของ Smart Living 360
ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ด้านการขายและการตลาด ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ทุกรูปแบบ พร้อมเร่งสร้างการรับรู้รายได้จากการขายและโอนโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จแล้ว รวมทั้งหันไปรุกตลาดแนวราบ โดยเปิดโครงการใหม่ คือเวลาน่า อะโมด้า อู่ตะเภา-บ้านฉาง ใน จ.ระยอง เป็นบ้านเดี่ยว ราคา 4.5-6.5 ล้านบาท บนพื้นที่ 27 ไร่ จำนวน 104 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 540 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการบริษัทในปี 2564 มียอดขาย 1,334 ล้านบาท และยอดรายได้อยู่ที่ 1,326 ล้านบาท โดยมีผลกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท