กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ มั่นใจธุรกิจรับสร้างบ้านยังไปต่อได้ จากเรียลดีมานด์ที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง แม้ช่วงโควิดระบาดหนัดจะชะลอตัวลงก็ตาม ส่งผลให้ผลประกอบการครึ่งปียังไม่ได้ตามเป้า ล่าสุดจัดโปรแรง Biggest Sale 20% หวังกระตุ้นกำลังซื้อครึ่งปีหลัง
นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ บริษัทผู้ให้บริการรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ตามที่ทราบกันดีว่าตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนจนถึงขณะนี้ สถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ได้กลับมาแพร่ระบาดอย่างรุนแรงอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเมื่อต้นปีจะมีทิศทางที่ดูเหมือนจะคลี่คลายมากขึ้น จึงทำให้ขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมกลับมาชะงักไปพอสมควร และปฏิเสธไม่ได้ว่าส่งผลต่อการชะลอการตัดสินใจและกำลังซื้อของประชาชนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี ในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงต้องเดินหน้าต่อ แม้ว่าภาพรวมของประเทศจะไม่สู้ดีนัก แต่ยังคงมีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่มีความสนใจโดยสอบถามข้อมูลการสร้างบ้านเข้ามาอยู่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงจัดโปรโมชั่นสร้างบ้านราคาพิเศษซึ่งต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายไตรมาส 2
ถ้าให้มองภาพอนาคตของธุรกิจรับสร้างบ้าน ในฐานะที่ได้อยู่ในแวดวงธุรกิจรับสร้างบ้านมาเป็นเวลายาวนานกว่า 35 ปี และประสบความสำเร็จในการบริหารกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ซึ่งประกอบด้วย บิวท์ ทู บิวด์ , บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ และสมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จนปัจจุบันเตรียมย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 20 อย่างมั่นคงนั้น เชื่อมั่นว่าธุรกิจรับสร้างบ้านสามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง และในอนาคตความต้องการของลูกค้าที่จะปลูกสร้างบ้านยังมีอีกมากอย่างไม่สิ้นสุด
เพราะความต้องการสร้างบ้านเป็นดีมานด์ที่หมุนเวียนกลับมาอยู่ตลอดเวลา ลูกค้ามีความต้องการปรับเปลี่ยนที่อยู่อาศัย มีการทุบ รื้อ เพื่อสร้างบ้านใหม่ หรือขยายครอบครัวตามเหมาะสม จึงทำให้ดีมานด์ในส่วนนี้จะมีอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับ ระบบโครงสร้างบ้านสำเร็จรูปของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ก็ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า ในด้านความแข็งแรงมั่นคง รักษาสิ่งแวดล้อม สามารถก่อสร้างได้รวดเร็ว สร้างได้ทุกฤดูกาล และมีความยืดหยุ่นในการออกแบบและเลือกวัสดุ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ธุรกิจของกลุ่มบริษัทดำเนินได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน จึงมีความเชื่อว่าธุรกิจรับสร้างบ้านยังมีอนาคตที่สดใสรออยู่อย่างแน่นอน
นายสุธีกล่าวต่อถึงภาพรวมของกลุ่มบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกว่า ถึงแม้จะยังทำไม่ได้ตามเป้าที่คาดการณ์ไว้เมื่อช่วงต้นปี แต่ยังทำได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และยังสามารถรักษาเป้าหมายทางการขายไว้ได้ ทั้งนี้ยังคงตั้งเป้ายอดขายในปี 2564 นี้ว่าจะมีการเติบโตไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท (ตามเป้าที่เคยทำได้ไว้เมื่อปี 2562) หรือเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 20%
ซึ่งปัจจุบันยังมีลูกค้าติดต่อสอบถามเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วงที่มีการจัดโปรโมชั่นแรงๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสทองของลูกค้าที่จะได้สร้างบ้านคุณภาพในราคาสุดคุ้ม รวมถึงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจปลูกสร้างภายในปีนี้อยู่พอสมควร
ล่าสุดกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ได้จัดโปรโมชั่นสร้างบ้านในราคาสุดพิเศษเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจให้แก่ลูกค้าที่กำลังมีแผนสร้างบ้านได้มีโอกาสมีบ้านคุณภาพในราคาสุดคุ้มกันต่อเนื่อง โดยการมอบส่วนลดสร้างบ้าน Biggest Sale 20% พร้อมของสมนาคุณสุด Surprise ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ สำหรับโปรโมชั่นนี้ลูกค้าสามารถติดต่อและสอบถามข้อมูลได้ที่ Call Center 02 721 3999 , Line@ : @btb.g หรือติดต่อผ่านโปรแกรม ZOOM ของกลุ่มบริษัทฯได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ต้องเดินทางมายังสำนักงาน
สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดในช่วงยุคโควิด-19 นี้ต้องยกให้การทำตลาดออนไลน์เป็นพระเอกของปี เพราะมีบทบาทสำคัญอย่างมากที่ทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังได้เพิ่มช่องทางออนไลน์ต่างๆ ในการติดต่อโดยไม่เป็นอุปสรรคในการสื่อสารกับลูกค้าแม้จะอยู่ในช่วงที่โควิด-19 ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้
อีกส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการดำเนินธุรกิจไม่ว่าเผชิญกับสถานการณ์ใดก็ตามยังคงเป็นโยบายด้านคุณภาพ มาตรฐานงานก่อสร้าง และการบริการ ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะช่วงของการเกิดวิกฤติ ยิ่งทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจในคุณภาพและบริการมากเท่าใด ก็จะเกิดการบอกต่อการแนะนำในที่สุด (word of mouth)
นายสุธีกล่าวต่อว่า ที่ออกมาให้ข่าวในเชิงบวกนี้ ซึ่งอาจจะดูแย้งกับสถานการณ์การตลาดของธุรกิจนี้ที่โดยทั่วไปอาจจะดูชะลอลงมาก แต่ก็เป็นข้อเท็จจริง ไม่ได้มีเจตนาให้เพื่อนผู้ประกอบการรู้สึกแย่ แต่ต้องการให้กำลังใจว่าธุรกิจนี้ยังสามารถเดินต่อไปได้อย่างดี แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ เพราะลูกค้าธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นดีมานด์จริง มีความต้องการปลูกสร้างบ้านจริง ซึ่งยังมีอยู่มากและจะมีอย่างไม่รู้จบ
เมื่อลูกค้ามีความพร้อมก็ยังคงต้องการปลูกสร้างบ้าน เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีการวางแผนและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี และยังมีลูกค้าอีกมากเมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจดีขึ้นก็จะกลับมาปลูกบ้านอย่างแน่นอน ทั้งนี้ที่ให้ข้อมูลนี้เพื่อเป็นกำลังใจกับเพื่อนผู้ประกอบธุรกิจเดียวกันและลูกค้า ว่าธุรกิจรับสร้างบ้านยังสามารถเดินต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคงแน่นอน