fbpx
อาคารสูง

การเมืองไม่นิ่งยอดขายอสังหาฯวูบ10% KW เล็งขยายตลาดลักชัวรี่

แคปปิตอล วัน เผยยอดขายอสังหาฯหลังเลือกตั้งลดวูบ 10% เหตุการเมืองยังไม่นิ่ง เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง หนี้ครัวเรือนยังสูง ขณะที่กำลังซื้อต่างชาติเริ่มฟื้นตัว จับตาเมียนมาจะกลายเป็นผู้ซื้อหลักจากต่างชาติ ด้านเคลเลอร์ วิลเลี่ยม ไทยแลนด์ เตรียมขยายฐานตลาดลักชัวรี่รองรับลูกค้าไทยและต่างชาติ วางเป้าปี 66 ปั๊มยอดขายในตลาดลักชัวรี่ 9,000 ล้านบาท

นายวิทย์ กุลธนวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด และ เคลเลอร์ วิลเลี่ยม ไทยแลนด์ (KW) บริษัทตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์และที่ปรึกษาด้านการบริการตลาดและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทในช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา ดีขึ้นตลอด และดีกว่าช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึง 3 เท่า แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของกลุ่มลูกค้าคนไทย ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้ง โดยเริ่มจะมียอดขายลดลงจากไตรมาส 2 (เมษายน-มิถุนายน) ประมาณ 10% แต่ยังมียอดขายที่คงที่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากกลุ่มของลูกค้าไทยที่มีผลกระทบจาก 1.การเมือง 2.แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เติบโตลดลง และ3.หนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับที่สูง

“ปัจจัยที่ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยในตลาดกลุ่มคนไทยชะลอตัว โดยเฉพาะในสินค้าตลาดระดับราคา 10-15 ล้านบาท เนื่องจากเจ้าของธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี จำนวนมาก ประสบปัญหาตั้งแต่ช่วงโควิดจนถึงปัจจุบัน ทำให้กำลังซื้อส่วนนี้หายไปและจากข้อมูลที่ได้รับสัมผัสจากเจ้าของโครงการ ส่วนใหญ่ต้องการให้เข้าไปช่วยเรื่องการขายในสินค้ากลุ่มนี้จำนวนมาก ซึ่งคนทำงานไม่มีกำลังซื้อสินค้าในระดับราคานี้ เพราะราคาแพงเกินไป แต่ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวราคาสูงกว่า 40 ล้านบาท จะไม่มีผลกระทบมากนัก เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มนี้จะเป็นในส่วนของเจ้าของธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ซึ่งจะมีเงินสำรองค่อนข้างสูงและซื้อตามความชอบอยู่แล้ว”

​ในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียมในเมือง หรือ (Central Business District หรือ CBD) เริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากที่ห้องชุดบางส่วนถูกดูดซับออกไปจากตลาดบวกกับจำนวนผู้ซื้อชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงโควิด ส่งผลให้สินค้าคงเหลืออยู่ในตลาดจำนวนน้อยลง โดยเฉพาะในโซนศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) เช่น ทำเลสุขุมวิท สีลม สาทร ส่วนโครงการใหม่ที่จะมาเปิดตัวในซีบีดี มีจำนวนลดลง และราคาสูงขึ้น เนื่องมาจากราคาที่ดินสูงทำให้ราคาขายโครงการใหม่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีให้ตลาดคอนโดมิเนียมมือสองที่มีความต้องการสูงขึ้นต่อเนื่อง

ส่องดีมานด์’คนเอเชีย’มองหาที่อยู่อาศัยในไทย
​นายวิทย์ กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดต่างชาติที่จะเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย หากมาพิจารณาตามหลักภูมิศาสตร์แล้ว ตลาดลูกค้าเอเชีย มีแนวโน้มเติบโตไปอีกต่อเนื่อง ซึ่งเราจะเห็นความเคลื่อนไหวของผู้ซื้อจากประเทศเมียนมา มาเลเซีย กัมพูชา เป็นต้น เพราะกลุ่มผู้ซื้อเหล่านี้จะมีความคุ้นเคยกับประเทศไทย และคาดว่าไม่เกิน 2 ปีจากนี้ ผู้ซื้อจากประเทศเมียนมาจะกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ขึ้น ส่วนผู้ซื้อจากประเทศอินเดีย จะเป็นอีกกลุ่มที่จะเติบโต เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนอินเดียยังไม่มีความคุ้นเคยกับการซื้ออสังหาริมในไทยเพื่อการลงทุนมากนัด

“ถามว่ากลุ่มทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยนั้นก็มองอยู่ไม่กี่ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และจีน เราจะเห็นได้ว่าที่บริษัทอสังหาฯญี่ปุ่น มาลงทุนในไทย เนื่องจากในญี่ปุ่นโครงการประเภทคอนโดมิเนียมไม่มีให้เห็นมาก ประกอบกับเศรษฐกิจชะลอตัว ประชากรใหม่เกิดขึ้นน้อย มีปัญหาเรื่องบ้านว่างเป็นจำนวนมาก จึงต้องจัดสรรเงินลงทุนและร่วมทุนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทย ส่วนอสังหาริมทรัพย์จากประเทศจีนที่เข้ามาไทย เนื่องจากในจีนมีกฎเกณฑ์ค่อนข้างมาก สถาบันการเงินเข้มงวด มีเรื่องของคอนโดมิเนียมล้นตลาดจึงมาลงทุนในไทยเราแทน” นายวิทย์ กล่าวในฐานะที่มีความเชี่ยวชาญตลาดอสังหาฯในต่างประเทศ

Keller Williams รุกเจาะอสังหาฯลักชัวรี่ในไทย
จากตัวเลขยอดขายในตลาด Luxury หรือ Grade A++ มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นทั่วโลก โดย Keller Williams Luxury มียอดขายทั่วโลกในตลาดนี้มากกว่า 58,443 หน่วย สำหรับระดับราคาที่สูงกว่า 35 ล้านบาท ในปี 2564 และมียอดขายรวมทั้งสิ้นในตลาด Luxury มากกว่า 103.6 พันล้าน USD ทั่วโลก ซึ่งเป็นผู้นำในด้านตลาด Luxury Real Estate

ดังนั้น Keller Williams Thailand (KW) ได้เปิด Division ใหม่ โดยใช้แบรนด์ Keller Williams Luxury Thailand เพื่อให้บริการทางด้านอสังหาริมทรัพย์ในลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ สำหรับลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ โดยมีบริการเสริมเหนือระดับสำหรับลูกค้า เช่น Concierge Services สิทธิพิเศษในการเข้าพักในโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวทั่วโลก การบริการการลงทุนของลูกค้า โดย Account Manager บริการผู้ช่วยส่วนตัว รวมทั้งโปรแกรมส่วนลดในบริการด้านต่างๆ เฉพาะลูกค้า Keller Williams Luxury Thailand โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในตลาดลักชัวรี่ มูลค่า 9,000 ล้านบาท ในปี 2566 โดยมีอัตราการเติบโต 20% ต่อปี ซึ่งราคาที่อยู่อาศัยมีตั้งแต่ 40 ล้านบาทขึ้นไป จนไปถึง ระดับ 200 ล้านบาทที่เป็นแบบวิลล่าหรู เป็นต้น

โดยทาง KW ยังให้บริการสำหรับลูกค้าต่างชาติ ที่ต้องการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ สมุย หรือ ภูเก็ต รวมทั้งขาย Luxury property และ สำหรับลูกค้าชาวไทย ที่ต้องการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ระดับ Luxury ทั่วโลกเช่น Beverly hills, London, Berlin, Dubai ซึ่ง Keller Williams Luxury มี Professional Agent Services ทั่วโลกคอยให้บริการ