ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จับมือ Green Partner Brands “TOA , ตราเพชร และ COTTO”คัดสรรนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พัฒนาบ้านรักษ์โลก ส่งมอบสู่มือผู้บริโภค
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าปัจจุบันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญและต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ด้วยการร่วมมือกับแบรนด์พันธมิตรทางธุรกิจชั้นแนวหน้าของไทย สร้างสรรค์โครงการบ้านที่ใส่ใจด้านการออกแบบในทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำยันปลายน้ำ พิถีพิถันในการเลือกสรรวัสดุ อุปกรณ์ตกแต่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะตระหนักดีว่าปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจึงจะเห็นผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ตั้งใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพจากแบรนด์พันธมิตรที่ล้วนมีแนวนโยบายเดียวกันคือให้ความสำคัญในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อโลกอย่างยั่งยืน ทั้งยังช่วยให้ลูกบ้านได้ประโยชน์โดยตรงในด้านการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ลดการใช้น้ำ และอื่นๆ และการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกร่วมกับเรา” นายชูรัชฏ์ กล่าว
ทั้งนี้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้ผนึกพลังกลุ่ม Green Partner Brands ร่วมคัดสรรผลิตภัณฑ์รักษ์โลกในกลุ่มต่าง ๆ อาทิ สีทาผนังภายในและภายนอกของ TOA สีโฟร์ซีซั่นส์ ที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้มากกว่า 95% ลดอุณหภูมิบนผนังได้มากกว่า 5องศาเซลเซียส จึงทำให้ช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ และประหยัดค่าไฟได้ ทั้งยังไม่มีส่วนผสมของสารปรอทและตะกั่ว จึงปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัยด้วยเทคโนโลยีสีเพื่อสุขภาพ Ultra Low VOCs และสามารถทำลายเชื้อโคโรน่าไวรัสจากคน ได้มากกว่า 99.6% ภายในเวลา 30 นาที โดยการใช้สีทาบ้านด้วยสีโฟร์ซีซั่นส์ 1 หลัง สามารถช่วยโลก ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 66,000 gCO2e เทียบเท่าการปลูกต้นสัก 3.8 ต้น ภายใน 1 ปี นอกจากนี้ สีโฟร์ซีซั่นส์ยังได้รับฉลากลดโลกร้อน (CFR) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO ว่าเป็นนวัตกรรมสีรักษ์โลก ที่ดีทั้งต่อผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม กระเบื้องหลังคาคอนกรีตตราเพชร ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทนทานทุกสภาวะอากาศ และนวัตกรรมสุขภัณฑ์จากแบรนด์ COTTO ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ Hygienic นวัตกรรมเอกสิทธิ์จากคอตโต้ที่มีส่วนช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้ถึง99% อาทิ อ่างล้างหน้า กระเบื้องผนังห้องน้ำ และโถสุขภัณฑ์ ที่เช็ดล้างทำความสะอาดง่ายโดยไม่ต้องใช้สารเคมีในการชำระล้างเพื่อสุขอนามัยที่ดีของผู้อยู่อาศัย ทั้งยังช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 12.5% หรือ 1.5 ลิตร/1วัน พร้อมทั้ง ฝักบัว, ก็อกน้ำ และสายชำระ ที่สามารถประหยัดน้ำได้ดีกว่ารุ่นทั่วไปสูงถึง 20% ซึ่งการตั้งใจเลือกในครั้งนี้จะทำให้บ้านของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
“ปัจจุบันเทรนด์การใส่ใจต่อกระแสสิ่งแวดล้อม Green Living ถูกให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น ซึ่งธุรกิจที่อยู่อาศัยเองก็ต้องนำเทรนด์ดังกล่าวมาปรับใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อส่งมอบสู่มือผู้บริโภคเช่นกัน เพราะการเลือกบ้านแต่ละหลังของผู้บริโภคก็มีส่วนอย่างมากต่อการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้มีการพัฒนาสินค้าและออกแบบให้มีฟังก์ชันลดการใช้พลังงานให้น้อยลง อาทิ การเพิ่มช่องแสงที่โถงบันไดเพื่อลดการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านโดยใช้แสงจากธรรมชาติ, การติดตั้งพัดลมดูดอากาศภายในบ้านเพื่อเพิ่มการหมุนเวียนอากาศ ช่วยระบายความร้อน ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง, การใช้ไฟส่องสว่างแบบ Solar Cell ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ, มีการเลือกใช้วัสดุทดแทนวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ใช้กระเบื้องลายหินอ่อนที่เป็นหินสังเคราะห์ เพื่อให้ความรู้สึกที่ทดแทนวัสดุที่เป็นหินอ่อนแท้จากธรรมชาติ รวมถึงการเตรียมจุดรองรับเพื่อชาร์ตรถยนต์ EV ในอนาคตเพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย โดยบริษัทฯ ได้คำนึงถึงเรื่องความร่มรื่น และการอยู่ร่วมกันกับสิ่งแวดล้อมภายในโครงการ จึงจัดให้มีการเพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณส่วนกลาง และได้มีการนำไม้ยืนต้นมาช่วยฟอกอากาศ เพื่อช่วยลดการเกิดปัญหามลภาวะจากฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในปัจจุบัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกคิดค้น และพัฒนาขึ้นให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ Green Living Standard เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปให้เกิดความสมดุลทั้งต่อลูกค้าและสิ่งแวดล้อมเพื่อโลกที่ยั่งยืน” นายชูรัชฏ์ กล่าวสรุป