แสนสิริ เปิด 5 กลยุทธ์ลงทุนปี 68 เร่งขยายฐานตลาดบ้านกลาง-บน รีเทิร์นคอนโดกลางเมือง รุกหนักภูเก็ต-พัทยา พร้อมจับมือพันธมิตรใหม่ เดินหน้าพันธกิจสีเขียวเต็มสูง ตั้งเป้าผุด 29 โครงการใหม่ มูลค่า 52,000 ล้านบาท หวังโกยยอดขาย 5.3 หมื่นล้านบาท โอน 4.6 หมื่นล้านบาท
นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2568 ยังคงเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทาย โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีชาเลนจ์ในหลากหลายด้าน สำหรับแสนสิริในฐานะรายใหญ่และเป็นเจ้าตลาดเราขอร่วมขับเคลื่อนตลาด และสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคอุตสาหกรรม ผ่านแผนธุรกิจปี 2568 ภายใต้แนวคิด Dynamic Growth เติบโตแข็งแกร่ง ด้วยการวางแผนเปิดตัว 29 โครงการใหม่ มูลค่า 52,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายยอดขาย 53,000 ล้านบาท เป้าหมายยอดโอน 46,000 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเดินหน้าเปิดตัว 14 โครงการ มูลค่า 31,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปี ที่แสนสิริบุกตลาด premium และ medium ครอบคลุมทุกทำเลมากที่สุด
ไฮไลต์ คือ บ้านเดี่ยวแบรนด์ “นาราสิริ” 3 โครงการใหม่ ครอบคลุมมุมเมืองรอบกรุงเทพฯ อาทิ นาราสิริ บางนา กม.10 ราคาเริ่ม 60-150 ล้านบาท อยู่ใน SANSIRI 10 EAST ลักซ์ชัวรีคอมมูนิตี้ใหม่ในย่านบางนา (พรีเซลมีนาคมนี้) ถัดมา “DEMI” (เดมี) ลักซ์ชัวรี เรสซิเดนท์แนวคิดใหม่ หลังประสบความสำเร็จจากโครงการแรก เดมี สาธุ 49 ตอกย้ำผู้นำตลาดอสังหาฯ ลักซ์ชัวรีไทย กับ เดมี พระราม 9 เหม่งจ๋าย ราคาเริ่ม 27.9 ล้านบาท (พรีเซลไตรมาส 2) และการกลับมาของแบรนด์ “บุราสิริ” หลังจากลูกค้ารอคอยมานาน กับบุราสิริ จตุโชติ ราคา 13.5-25 ล้านบาท(พรีเซลไตรมาส 3) อยู่ในจตุโชติ คอมมูนิตี้ ขนาดกว่า 184 ไร่ และครั้งแรกกับเศรษฐสิริ เกาะแก้ว (ภูเก็ต) ราคา 12-20 ล้านบาท (พรีเซลไตรมาส 3)
ส่วนคอนโดมิเนียม เตรียมเปิดตัวรวม 15 โครงการ มูลค่า 20,400 ล้านบาท เร่งขยายพอร์ตคอนโดในเมืองและ Strategic Location ประเดิมโครงการใหม่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในขณะนี้คือ พีทีวาย เรสซิเดนซ์ สาย 1 (PTY Residence Sai 1) หนึ่งเดียวที่ไม่มีใครเหมือน บนถนนพัทยา สาย 1 มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ราคาเริ่ม 6.99 ล้านบาท และครั้งแรกของการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ในทำเล “นางลิ้นจี่” ทำเลที่เป็น Hidden Gem กลางเมืองโลเคชันที่หายาก มูลค่า 3,100 ล้านบาท อีกหนึ่งโครงการที่ทุกคนจับตามองคือคอนโดมิเนียมใจกลางสุขุมวิท “เวีย สุขุมวิท 34” มูลค่า 1,300 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมแบรนด์ HAUS โครงการล่าสุดใน T77 มูลค่า 2,800 ล้านบาท ที่จะเติมเต็ม Portfolio แสนสิริให้แข็งแกร่งและครอบคลุมทุกความต้องการและระดับราคามากยิ่งขึ้นอีกด้วย

สำหรับในปี 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งครบรอบ 40 ปีของแสนสิริที่มีความท้าทายในการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปราะบาง ขณะที่แสนสิริยังคงมีอัตราเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง สร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ได้แก่ การรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้แสนสิริประสบความสำเร็จ ด้วยยอดขายรวมถึง 50,000 ล้านบาท และยอดโอน (รวมโครงการร่วมทุน) อยู่ที่ 43,700 ล้านบาท สามารถ Sold Out ได้ถึง 25 โครงการ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท จากการเพิ่มสัดส่วนการเปิดตัวโครงการ โดยเฉพาะโครงการแนวราบ
รวมทั้งการใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ไฮไลต์ความสำเร็จในปีที่ผ่านมา แสนสิริยังรุกหนักแผน Strategic Location โดยชูภูเก็ต และเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการขยายธุรกิจในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้แสนสิริสร้างยอดขายในตลาดต่างจังหวัดได้ถึง 10,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 120% โดยเฉพาะ ภูเก็ต ซึ่งเป็นทำเลที่มีการเติบโตสูง ซึ่งแสนสิริยังได้เปิดตัว “The Society” (เดอะ โซไซตี้) โซเชียล สเปซ แห่งแรกของแสนสิริในภูเก็ต ใจกลางย่านบางเทา – เชิงทะเล โลเคชันมาแรงที่ได้รับความสนใจและเติบโตสูงสุดในภูเก็ตในช่วงปลายปีที่ผ่านมาอีกด้วย

เจาะ 5 กลยุทธ์สำคัญจากแสนสิริ
ด้านนายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เราเห็น Sentiment ตลาดหลายประการที่มีการตั้งคำถามไม่ว่าจะเป็นทิศทางของดอกเบี้ย กำลังซื้อของผู้บริโภค สำหรับแสนสิริ ขอชวนมองในปัจจัยอื่นที่เป็นแรงสนับสนุนแผนการเติบโต Dynamic Growth ในปีนี้ อาทิ
การโอนบ้านมือสอง การปล่อยเช่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้คนทำงานหาที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น เราพบว่าคนยังหาข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อบ้านอยู่ (บ้านยังเป็นปัจจัย 4) รวมถึงการขยายแนวรถไฟฟ้าสายต่างๆ และรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

ปี 2568 แสนสิริให้ความสำคัญกับ 5 กลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่
1.ขยายการพัฒนาที่อยู่อาศัยในกลุ่มสินค้าระดับลักชัวรี่และพรีเมี่ยมในทำเลใหม่ที่มีศักยภาพสูง อาทิ บางนา, บรมราชชนนี, สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ ซึ่งมีดีมานด์อย่างต่อเนื่องและไม่อ่อนไหวตามสภาพตลาด โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ ได้แก่ นาราสิริ บางนา กม.10, นาราสิริ วิคตัวร์ กรุงเทพกรีฑา, นาราสิริ บรมราชชนนี และเดมี พระราม 9 – เหม่งจ๋ายที่ต่อยอดความสำเร็จในทำเล หลัง Sold Out บูก้าน พระราม 9 – เหม่งจ๋าย ในวันแรกที่เปิดจองทันที
2.เร่งเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ในกรุงเทพฯ เพิ่ม Backlog สนับสนุนการสร้างรายได้ระยะยาว ปัจจุบันแสนสิริมีคอนโดมิเนียมในเมืองที่ สร้างเสร็จพร้อมโอน เหลือแค่ XT พญาไท และ เนีย บาย แสนสิริ เท่านั้น ซึ่งคาดการว่าจะสามารถขายหมดได้ในปีนี้ และก็มีอีกไม่กี่โครงการที่จะเริ่มสร้างเสร็จพร้อมโอนในอนาคต เช่น โฟล บาย แสนสิริ ที่พร้อมโอนในปลายปีนี้ ดังนั้นเราจึงมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ เพื่อเติมเต็ม Portfolio ของแสนสิริให้แข็งแกร่งขึ้นในปีนี้ อาทิ เดอะ เบส รัชดา 19, เดอะ เบส เออร์เบิร์น พระราม 9, เวีย สุขุมวิท 34 และครั้งแรกของคอนโดมิเนียมใหม่ในทำเล นางลิ้นจี่
3.รุกต่อ Strategic Locations ขยายการพัฒนาโครงการไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต พัทยา และขอนแก่น เพื่อคว้าโอกาสจากความต้องการของตลาดที่สูงขึ้น โดยในปีนี้จะไฮไลต์ Strategic Location อย่างภูเก็ต ที่วางกลยุทธ์ 5 ปี (2568-2572) เปิดตัวโครงการใหม่รวม 27 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท ตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ในทุกโปรดักส์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ซึ่งในปีนี้จะเปิดตัวโครงการใหม่ อาทิ เดอะ เบส เชิงทะเล, เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต

4.ขยายโอกาสในการลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน โดยปีนี้จะมีโครงการ Joint Venture ใหม่ 7 โครงการ มูลค่า 19,500 ล้านบาท โดยปีนี้เราได้ทำความร่วมมือใหม่กับบริษัท มิตซุย ฟุโดซัง เอเชีย ดีเวลลอปเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ในโครงการบุราสิริ จตุโชติ และนาราสิริ บางนา กม.10 หนึ่งในแบรนด์สำคัญใน Sansiri 10 East ลักซ์ชัวรีคอมมูนิตี้กว่า 165 ไร่ ซึ่งบริษัท มิตซุย ฟุโดซัง เอเซีย ดีเวลลอปเม้นท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ถือเป็น Partner ใหม่รายล่าสุด เพิ่มจาก Partner เดิมของเรา คือ บีทีเอส กรุ๊ป, โตคิว คอร์ปอเรชั่น และ เอ็กซ์สปริง แคปิตอล
5.แสนสิริยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าในพันธกิจสีเขียวและเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ผนวกเข้าไปในทุกๆ กระบวนการทำงาน สำหรับปีนี้เรายังคงพัฒนา Green Living Design ในโปรดักต์ใหม่ (เซ็กเมนต์ ลักซ์ชัวรีและพรีเมี่ยม) กับการตั้งเป้าลดพลังงานสูงสุด 50% จากปีก่อนหน้าทำได้ 40% ถัดมาคือการผลักดันการทำงานร่วมกันใน Ecosystem โดยตั้งเป้าการทำ R&D กับ 3 ราย ร่วมพัฒนากรีนโปรดักต์ และและเตรียมพบกับ Sustainable Home Prototype หนึ่งก้าวสำคัญวงการอสังหาฯ จากแสนสิริ ที่จะเปิดให้ชม เร็วๆ นี้
นอกจากการดำเนินธุรกิจแล้ว หน้าที่ของเราในเชิงสังคม เป็นเรื่องที่แสนสิริเราทำอย่างจริงจัง โดยไม่ได้ยึดกับข้อจำกัดว่าต้องเกี่ยวกับธุรกิจ ในฐานะอสังหาฯ รายใหญ่ของประเทศสนับสนุนความเสมอภาค เท่าเทียม และให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผ่านโครงการต่างๆ ได้แก่ Live Equally ผลักดันต่อ จากที่มีส่วนร่วมผลักดันเรื่องสมรสเท่าเทียมสำเร็จ ในปีนี้เราจะแสวงหาความร่วมมือจากพันธมิตรธุรกิจของเรา เพื่อช่วยกันผลักดันเรื่องของ DE&I (Diversity, Equality, and Inclusion), Zero dropout ปีที่ 3 ปี, Sansiri Academy เดินหน้าต่อเป็นปีที่ 19 เป็นหนึ่งในอะคาเดมี่ไม่กี่แห่งที่ยังคงเปิดให้เด็กเข้าร่วม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายมายาวนาน, No One Left Behind ยังคงเดินหน้าให้การช่วยเหลือสนับสนุนกลุ่มเปราะบางตามวาระที่เหมาะสม
ล่าสุดกับ Future Harvest แนวคิดต้นแบบความร่วมมือกับสมาคมธุรกิจกาแฟพิเศษและชุมชนในการสนับสนุนปลูกกาแฟในพื้นที่เชียงใหม่เพื่อทดแทนการปลูกอ้อย เพื่อแก้ปัญหาเผาไร่อ้อยและลดฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาว