อาณา ดีเวลอปเมนท์ พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม และโรงแรม รวมแล้วกว่า 15 โครงการ ล่าสุดเตรียมที่ดินย่าน “ม่าหนิก” รองรับการพัฒนาโครงการวิลล่าระดับพรีเมี่ยม เฟสแรก ประมาณ 10 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้านักลงทุนต่างชาติ คาดเปิดตัวโครงการปลายปี 2567 นี้
นายชัยวัฒน์ ตันติวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ และประธานกรรมการบริหารด้านการเงินและการลงทุน บริษัท อาณา ดีเวลอปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้เตรียมที่ดินประมาณ 10 ไร่ ในย่านม่าหนิก ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อพัฒนาโครงการวิลล่าระดับพรีเมี่ยม เฟสแรกมูลค่าโครงการรวมกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนและนักลงทุนต่างชาติ ที่ต้องการลงทุนในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญระดับโลกของจังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดตัวโครงการขายได้ประมาณปลายปี 2567 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนารูปแบบโครงการเพื่อให้มีความโดดเด่น และแตกต่างตามแบบฉบับการสร้างสรรค์โครงการที่อยู่อาศัยของกลุ่มอาณาดีเวลอปเมนท์ จำกัด รวมถึงจะมีการคัดเลือกตัวแทนขายระดับอินเตอร์เพื่อช่วยสนับสนุนในด้านการตลาดและการขายในต่างประเทศ และคาดว่าจะเปิดตัวโครงการขายได้ประมาณปลายปี 2567 นี้อย่างแน่นอน
จังหวัดภูเก็ตนั้น ยังมีความต้องการของผู้ลงทุนอยู่อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการขายโครงการคอนโดฯ และโครงการอาคารพาณิชย์ของกลุ่มอาณา ดีเวลอปเมนท์ ที่ปิดการขายอย่างรวดเร็วทุกโครงการ ทั้งนี้การพัฒนาโครงการสุดนี้ เราเลือกเป้าหมายที่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก
“โดยส่วนตัวมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก ว่าแม้ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล รวมถึงภาวะทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอการขยายตัว แต่การเลือกพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้น ยังมีความต้องการของผู้ลงทุนอยู่อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการขายโครงการคอนโดฯ และโครงการอาคารพาณิชย์ของกลุ่มอาณา ดีเวลอปเมนท์ ที่ปิดการขายอย่างรวดเร็วทุกโครงการ ทั้งนี้การพัฒนาโครงการสุดนี้ เราเลือกเป้าหมายที่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก จึงพัฒนาให้เป็นโครงการประเภทวิลล่า ระดับพรีเมียม ที่มีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม และการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับผู้อยู่อาศัย และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ลงทุน เพื่อการปล่อยเช่าให้กับนักท่องเที่ยวระดับบน ซึ่งนับเป็นการก้าวไปอีกขั้น สำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมสู่กลุ่มลูกค้าระดับสากลมากยิ่งขึ้นนั่นเอง” นายชัยวัฒน์ กล่าว