SENA หนึ่งในบริษัทอสังหาฯที่นำนวัตกรรมโซลาร์มาใช้ในโครงการเบอร์ต้นๆ ของไทย ล่าสุด เมื่อเกิดผลกระทบจากไวรัสโควิด–19 ทำให้ภาระค่าไฟเพิ่มสูงขึ้น จากการที่ต้อง อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ และ การ Work from home บริษัทจึงเสนอทางออกระยะยาว โดยการให้บ้านติดโซลาร์ พร้อมเซอร์วิส “โซลาร์สเกลอัพ” ช่วยคำนวณค่าไฟ ปรับเพิ่ม – ลดตามพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัย
การกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมากขึ้น รวมถึงการ Work from home ทำให้ต้องใช้ไฟฟ้าที่บ้านเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ปัญหาที่ตามมาพบว่า”ค่าไฟฟ้าดีดตัวเพิ่ม” อย่างน่าตกใจ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟแพงในช่วงนี้ เนื่องจากการไฟฟ้ามีการคิดคำนวณ “ค่าไฟแบบอัตราก้าวหน้า” มาตลอด หากใช้มากก็ต้องจ่ายมาก โดยมีตัวแปรสำคัญก็คือ “หน่วยไฟฟ้าที่ใช้” ซึ่งจะมีการคิดค่าไฟเป็นขั้นบันไดโดยแต่ละขั้นก็มีราคาที่แตกต่างกัน หากใช้ไฟฟ้ามากขึ้นก็จะถูกนำไปคิดราคาในช่วงหน่วยไฟฟ้าที่สูงขึ้น ค่าไฟจึงแพงแบบก้าวกระโดด
ประกอบกับสภาพอากาศในช่วงเดือนเมษายนเป็นฤดูร้อนอบอ้าวอยู่แล้ว ส่งผลให้เกิดการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทั้งเครื่องปรับอากาศพร้อมคอมเพรสเซอร์ เครื่องฟอกอากาศ พัดลมไอน้ำ และตู้เย็นที่ใส่ของมากขึ้น ทำให้คอมเพรสเซอร์ยิ่งทำงานหนักกว่าปกติ
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ได้เสนอทางออกสำหรับการประหยัดค่าไฟในระยะยาวว่า นับเป็นจังหวะที่ดีที่ผู้บริโภคจะหันมาให้ความสนใจและการติดโซลาร์ที่บ้านเพิ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานที่บ้านหรือฟรีแลนซ์ เนื่องจากการติดตั้งโซลาร์จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากในช่วงเวลากลางวัน จากข้อมูลที่ทางเสนาสำรวจระบุว่า การลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาบ้าน สิ่งที่ได้มากกว่าคือนำไฟฟ้าที่ผลิตได้เองจากพลังงานสะอาดมาใช้เพื่อลดการซื้อไฟฟ้าจากระบบของรัฐ
ดังนั้นจึงทำให้ผู้ซื้อบ้านของเสนาทุกหลังจะได้ใช้ค่าไฟฟ้าที่ถูกลงตลอดระยะเวลา 25 ปีซึ่งคุ้มค่าอย่างมาก ยกตัวอย่างตามสเปกการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ที่มีกำลังผลิต 2-8 กิโลวัตต์ของบ้านเสนาโซลาร์ คำนวณระยะเวลา 10 ปี เทียบได้กับการปลูกต้นไม้ใหญ่ 16 -63 ต้น ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 2 -9 ตันต่อปี
นอกจากนี้ ทางเสนามีบริการ “โซลาร์สเกลอัพ” (Solar Scale up) ที่เป็นนวัตกรรมคำนวณสเกลการใช้งานเป็นตัวช่วยเซอร์วิสลูกบ้านอีกทางหนึ่ง โดยลูกบ้านสามารถปรับ – ลดเพิ่มจำนวนแผงโซลาร์ได้ตามลักษณะการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และสามารถเลือกช่วงเวลาการใช้ไฟฟ้าได้ตามพฤติการหรือไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยในบ้าน ยกตัวอย่าง การคิดคำนวณเป็นมูลค่าเงินที่ประหยัดได้ หากมีการใช้ไฟ 4 ชม.ช่วง 10.00-14.00 น.ผลิตไฟฟ้า 2.1 กิโลวัตต์ เท่ากับมีการใช้ไฟฟ้า 8 หน่วย คูณค่าไฟของรัฐหน่วยละ 4 บาท จะประหยัดไฟวันละ 32 บาท หรือ 960 บาท/เดือน
อย่างไรก็ตาม การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในครัวเรือนของประเทศไทยก็ยังถือว่าน้อยมากเนื่องจากต้นทุนในเรื่องอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าที่ซับซ้อนทำให้ประชาชนทั่วไปยังลังเลในเรื่องนี้อยู่ ซึ่งปัจจุบันนี้ แผงโซลาร์เซลล์ได้รับการพัฒนาคุณภาพดีขึ้น ราคาถูกลงแล้ว ที่ผ่านมาผู้บริโภคยังมองไม่ประโยชน์มากเท่าที่ควร แต่เหตุการณ์วิกฤตโควิดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เชื่อว่าผู้บริโภคที่ต้องทำอยู่บ้าน “Work From Home“ มากขึ้นจะเห็นประโยชน์และความคุ้มค่าในการติดตั้งโซลาร์ โดยปัจจุบันได้ติดตั้งโซลาร์ทุกหลังทุกโครงการของเสนาถือเป็นมาตรฐานสินค้า หรือ Standard Product และไม่ใช่เพียงแค่ติดที่หลังคาบ้าน แต่ติดตั้งในพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านและคอนโดมิเนียม ปัจจุบันมากกว่า 400 ครัวเรือน 1,000 กิโลวัตต์
ที่สำคัญมีบริษัท เอท โซลาร์ จำกัด บริษัทในเครือของเสนา ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมบริการตั้งแต่การให้คำปรึกษา การออกแบบ การติดตั้ง ตลอดจนการบริการหลังการขายแบบครบวงจร